อาหารเพื่อสุขภาพ ?
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
อาหารเพื่อสุขภาพ (HEALTHY FOOD)
เมื่อคนยุคใหม่หัดมาดูแลสุขภาพ ต่างก็ค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อจะได้นำสิ่งที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายและทำให้ตัวเองห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ บางคนอาจมุ่งเน้นเลือกกินอาหารธรรมชาติที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุดเพื่อคงไว้ซึ่งองค์ประกอบทางธรรมชาติของอาหารนั้นๆ ให้มากที่สุด แต่อาจเป็นการยากที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคในทันทีทันใดได้ จริงๆแล้วอาหารใช่จะว่ามีดีหรือไม่ดีไปทั้งหมด ขึ้นอยู่กับการเลือกกิน
การผสมผสานให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมถูกต้องตามความต้องการของคนนั้นๆ
เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์มากที่สุด อาหารเพื่อสุขภาพ อาจพูดได้ว่า
อาหารสุขภาพที่ดี (Healthy Food) ควรยึดหลักความสมดุล
หลากหลาย และปริมาณที่เหมาะสมกับกิจกรรมการดำรงชีวิตของคนนั้นๆเป็นหลัก
การกินอาหารสุขภาพแบบนี้จะทำให้คนรับประทานไม่รู้สึกถูกจำกัด
หรือมีข้อแม้ในชีวิตมากเกินไป ถึงแม้ผู้ป่วยที่เป็นโรคต่างๆ ซึ่งต้องควบคุมอาหาร
ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรงเก้าท์ หรือโรคไต
และอื่นๆ ได้มีทางเลือกและไม่ขาดความสุขในการกิน และยังสามารถควบคุมโรคได้อีกด้วย
จากที่เรารู้ค่าการเผาผลาญพลังงานโดยปกติ (TDEE) เราสามารถนำมากำหนดอาหารที่จะนำเข้าสู่ร่างกายได้
สารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกายมี 6 ชนิด
แต่ละชนิดก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป ทั้ง 6 ชนิดประกอบด้วย
คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ และน้ำ เมื่อทราบถึงแหล่งวัตถุดิบที่ให้พลังงานแล้ว
ก็จำเป็นต้องรู้หลักที่ต้องคำนึงในการทำอาหารสุขภาพ อันประกอบด้วย
1.
รับรู้พลังงานจากสารอาหาร
(ปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับในแต่ละมื้อ)
สารอาหารแต่ละประเภทจะให้พลังงานที่ไม่เท่ากัน เช่น
– คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี
– โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี
– ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี
– คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี
– โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี
– ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี
2.
เลือกวัตถุดิบที่นำมาปรุงเป็นอย่างดี
วัตถุดิบที่ดีไม่จำเป็นต้องเป็นของราคาแพง
แต่เราจะเน้นที่วัตถุดิบที่ให้สารอาหารจำเป็นต่อร่างกาย
คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ได้จ่ายไป เช่น
o เลือกคาร์โบไฮเดรตชนิดดีที่มีกากใยอาหารสูง เช่น ข้าวซ้อมมือ
ข้าวหอมนิล ข้าวสังข์หยด ธัญพืชไม่ขัดสี ผักและผลไม้ ส่วนคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ดี
ที่อยู่ในรูปของน้ำตาล ขนม และของหวานต่างๆ คอยหลีกเลี่ยง
o เลือกโปรตีนจากเนื้อ ปลา หรือโปรตีนจากพืชเช่นถั่ว
เพื่อช่วยลดไขมันในเลือด และยังสามารถป้องกันโรคหัวใจได้ โปรตีนที่มาจากเนื้อต่างๆ
ไก่ ปลา ไข่และถั่วล้วนเป็นแหล่งโปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12
วิตามินดี วิตามินเค เหล็ก สังกะสีและฟอสฟอรัส
นอกเหนือไปจากนั้นหากรับประทานโปรตีนจากพืช เช่นถั่วต่างๆ ยังมีองค์ประกอบของวิตามินอี
กรดโฟลิก เส้นใยอาหาร เพิ่มขึ้นอีกด้วย
o ไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ และอาหารทอดกรอบ นมไขมันเต็ม
เนื้อสัตว์ติดมัน เป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงอย่างมาก
เพราะหากทานในปริมาณมากจะไปเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและเพิ่มการอักเสบของหลอดเลือดได้
สำหรับไขมันดี เราสามารถหาได้จากปลาทะเล และถั่วเปลือกแข็ง
นักวิชาการทางด้านโภชนาการแนะนำว่าทุกๆ 2000 แคลอรีที่ทานเข้าไป ควรจะมีไขมันดีประมาณ 27 กรัม
(ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดชา
น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดทานตะวันเป็นต้น
3.
เน้นการบริโภคอาหารจำพวกผัก
ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และ/หรือ ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ
4.
รับประทานอาหารที่มีปริมาณเกลือหรือโซเดียมต่ำ
แม้โซเดียมจะเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับชีวิต
จำเป็นต่อการรักษาความสมดุลของของเหลวในร่างกาย
นำสื่อประสาทถ่ายทอดไปยังส่วนต่างๆและช่วยในการย่อยอาหาร
โดยปกติร่างกายเราควรได้รับโซเดียมอย่างน้อย 500 มิลลิกรัม สูงสุดไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัม
หากนึกไม่ออกว่าจำนวนดังกล่าวมีปริมาณเท่าไร ให้นึกถึงเกลือ 1 ช้อนชา น้ำปลาหรือซีอิ๊ว 1 ช้อนชา จะมีโซเดียมเฉลี่ย
400 มิลลิกรัม
ถ้าสามารถลดปริมาณลงได้ก็จะลดความเสี่ยงการเพิ่มความดันโลหิตได้มากขึ้น
สิ่งสำคัญสุดท้ายสำหรับ
อาหารสุขภาพคือการผลิต การปรุง และการเก็บรักษาที่สะอาดปลอดภัย ปราศจากการปนเปื้อน
ซึ่งนับเป็นสิ่งสำคัญ หากมองข้ามในจุดนี้
ก็อาจทำให้อาหารสุขภาพที่คิดว่าดีมีประโยชน์กลับกลายเป็นภยันตรายที่ย้อนกลับเข้าสู่ร่างกายแบบไม่รู้ตัว
อย่าลืมนะอาหารที่อร่อยก็มาพร้อมสุขภาพที่ดีได้ ตามคอนเซ็ปต์ที่ว่า “Healthy and Yummy”
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น